คลินิกหมอชญาณิน รักษาด้านใดบ้าง
โรคกระดูกและข้อ
โรคกระดูกและข้อ เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบกระดูกและไขข้อ พบมากในกลุ่มคนที่มีน้ำหนักตัวมาก กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มนักกีฬาหรือผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ซึ่งโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและข้อ ได้แก่
1. โรคข้อเข่าเสื่อม
2. โรคเกาต์
3. โรคกระดูกสันหลังอักเสบ
4. โรครูมาตอยด์
5. โรคกระดูกเสื่อม
6. โรคกระดูกพรุน
7. โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม
8. โรคหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท
สาเหตุของโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ
1. ได้รับการบาดเจ็บที่กระดูกและข้อ
2. การทำงานหนักของกระดูกและข้อมาเป็นเวลานาน
3. น้ำหนักตัวที่มาก
4. การเสื่อมของกระดูกและข้อตามอายุ
5. ได้รับการถ่ายทอดมาจากทางพันธุกรรม
อาการของโรคกระดูกและข้อ
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมากจะมีอาการเจ็บ ปวด และอักเสบที่บริเวณกระดูกและข้อ ซึ่งอาการดังกล่าวอาจจะมีความสัมพันธ์กับระบบประสาทด้วย
โรคเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ
รู้จักโรคทางเส้นเอ็นและข้อมือ แบ่งกลุ่มใหญ่ๆ ได้ตั้งแต่
1. การเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ
2. การใช้งานของมือทั้งในชีวิตประจำวัน หรือจากการทำงาน
3. กลุ่มอาการอื่นๆ ที่พบได้มาก เช่น ข้ออักเสบ ข้อเสื่อม เนื่องจากเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยคนมีอายุยืนขึ้น
4. ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น โครงสร้างของกระดูก นิ้วมือ เอ็นกล้ามเนื้อบางส่วน ซึ่งเริ่มแสดงอาการที่เห็นได้ชัดจากการหยิบจับ ใช้งาน โดยลักษณะอาการที่แสดงขึ้นอยู่กับสาเหตุ
5. เนื้องอก และมะเร็ง
สัญญาณเด่นซึ่งพบได้บ่อย ที่ต้องมาพบแพทย์
1. อาการปวด ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด หรืออายุเท่าไหร่
2. ไม่มีอาการปวด แต่ขยับไม่ได้ หรือใช้งานได้ไม่เหมือนเดิม น้อยลง
3. ลักษณะบวมผิดปกติ หรือบวมชนิดมีก้อนร่วมด้วย แม้จะใช้งานได้
4. การมีบาดแผลขนาดเล็ก แต่ถูกตำแหน่งสำคัญ อาจทำให้เกิดการอักเสบ เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท จนลุกลามไปยังบริเวณอื่น ทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงตามมา
5. อาการชา เกิดขึ้นภายในมือ หรือจากบริเวณอื่น เกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่มีผังพืด โรคทางข้อกระดูกบางประเภทที่ทำให้ เกิดการเบียดพื้นที่ของตัวเส้นประสาท
โรคบาดเจ็บจากกีฬา
แม้การเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกายจะช่วยสร้างสุขภาพที่ดี แต่หากผู้เล่นไม่รู้จักวิธีการเล่นที่ถูกต้อง หรือเล่นหนักติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ก็อาจก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะ “เอ็นอักเสบ” โรคที่พบได้มากในกลุ่มนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายหนักๆ และนี่คือโรคเอ็นอักเสบสุดฮิต..ที่คนเสพติดการเล่นกีฬาไม่ควรละเลย!
สาเหตุ : เกิดจากการใช้งานแขนส่วนล่างซ้ำๆ หรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน รวมถึงการบาดเจ็บแบบฉับพลัน ทำให้เส้นเอ็นแขนที่ยึดเกาะกับปุ่มกระดูกด้านข้างข้อศอกเกิดการอักเสบ มักพบได้บ่อยในนักเทนนิส หรือนักแบดมินตัน
อาการ : รู้สึกปวดบริเวณข้อศอกด้านนอกเมื่อมีการขยับหมุนข้อศอก บางรายอาจมีอาการปวดหลังมือ หรือข้อมือ โดยเฉพาะเวลาที่มีการเคลื่อนไหว เช่น สะบัดข้อมือขึ้นแรงๆ หยิบจับสิ่งของ หรือจับมือทักทาย
สาเหตุ : เมื่อกลุ่มกล้ามเนื้อ flexor group (ข้อศอกด้านใน) มีการทำงานซ้ำๆ ทำให้เกิดการอักเสบ หรือในบางรายเกิดการฉีกขาดของเอ็น มักพบได้บ่อยในนักกอล์ฟ เนื่องจากการตีกอล์ฟ กล้ามเนื้อ flexor pronator จะถูกใช้งานอย่างหนัก ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยได้ใช้งานบ่อยในชีวิตประจำวันเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย
อาการ : ปวดข้อศอกด้านใน..และจะปวดมากขึ้นเมื่อมีการเหยียดข้อศอก หรือเพียงแค่ขยับข้อศอก ในรายที่อาการรุนแรงมากๆ การเคลื่อนไหวข้อมือหรือข้อศอกเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดอาการปวดได้
สาเหตุ : ด้วยลักษณะของกีฬาว่ายน้ำ..ทุกท่าล้วนก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่เอ็นหัวไหล่ได้ เนื่องจากการที่นักกีฬายกแขนขึ้นเหนือศีรษะนั้นจะทำให้เกิดการเสียดสีที่เอ็นรอบข้อหัวไหล่ รวมถึงการสะดุดหรือชะงักท่าทางในขณะที่กำลังวาดมือขึ้นเหนือศีรษะ ส่งผลให้เส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บจากแรงสะท้อนกลับ ในขณะที่กีฬาที่ต้องออกแรงเขวี้ยงเป็นประจำ อย่าง กีฬาเบสบอล การใช้งานซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานนี้จึงมีผลให้เอ็นยึดหัวไหล่เกิดการอักเสบขึ้นได้เช่นกัน
อาการ : อาการปวดมักเป็นแบบเจ็บแปลบๆ มักปวดเวลากลางคืน อาการอาจมีทุเลาบ้างสลับกัน ไม่สามารถนอนตะแคงทับไหล่ข้างที่เจ็บได้ แต่หากเอ็นข้อไหล่เกิดฉีกขาดจากการกระแทกรุนแรงหรือการใช้งานหนักสะสม ผู้ป่วยจะมีภาวะอ่อนแรงเมื่อยกหรือหมุนหัวไหล่
สาเหตุ : เพราะในการกระโดด..การหดตัวของกล้ามเนื้อต้นขาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ก่อให้เกิดการกระชากของเส้นเอ็นใต้กระดูกสะบ้า ส่งผลให้เส้นเอ็นเกิดการฉีกขาดได้ มักพบในนักกีฬาที่ต้องใช้ข้อเข่าในการกระโดด เช่น นักกีฬากระโดดสูง นักบาสเก็ตบอล หรือ นักวอลเล่ย์บอล
อาการ : ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดบริเวณข้อเข่าทางด้านหน้า โดยเฉพาะตำแหน่งใต้ลูกสะบ้าหรือรอบๆ กระดูกสะบ้า ซึ่งอาการจะแสดงเมื่อเวลาเดินหรือวิ่ง แต่หากมีการฉีกขาดมาก อาการปวดจะเกิดขึ้นตลอดเวลา แม้ตอนที่นั่งพักเฉยๆ
โรคข้อเสื่อม
โรคข้อเสื่อมคืออะไร
โรคข้อเสื่อมเป็นความผิดปกติของข้อที่พบได้บ่อยในช่วงเข้าสู่วัยกลางคนและพบได้เพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆลักษณะของโรคเกิดจากกระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลายลงอย่างช้าๆจนเป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของข้อ ซึ่งได้แก่ มีน้ำสะสมในข้อเพิ่มขึ้น กระดูกงอกผิดปกติ กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้อหย่อนยาน การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดดังกล่าวจะทำให้เคลื่อนไหวข้อได้จำกัดรวมทั้งทำให้เกิดอาการปวดและบวมที่ข้อได้
โรคข้อเสื่อมพบบ่อยในตำแหน่งของข้อที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อต่อกระดูกสันหลัง เป็นต้น ข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อมมักทำให้เกิดความรำคาญเนื่องจากจะทำให้มีอาการปวดหรือไม่สบายข้อเมื่อต้องยืนหรือเดิน ในขณะที่ข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อมจะเป็นเหตุให้ปวดหลังและปวดต้นคอหรือคอแข็งตึงได้ แม้ว่าข้อเสื่อมจะพบในข้อที่ต้องรับน้ำหนัก แต่ก็สามารถพบที่ข้อต่างๆทั่วร่างกายได้โดยเฉพาะข้อที่เคยได้รับการบาดเจ็บ มีการติดเชื้อ หรือเคยมีข้ออักเสบนำมาก่อน สำหรับผู้ป่วยข้อนิ้วมือเสื่อมจะมีอาการปวด ชา หรือแข็งตึงขยับนิ้วลำบาก และตรวจพบก้อนหรือปุ่มกระดูกโตขึ้นที่บริเวณข้อนิ้วมือด้วย
ส่วนใหญ่อาการปวดของโรคข้อเสื่อมมักเกิดในระหว่างที่มีการใช้งานของข้อและจะดีขึ้นเมื่อได้พัก อาจมีอาการฝืดตึงข้อช่วงสั้นๆไม่นานเกินกว่าครึ่งชั่วโมงในช่วงเช้าหลังตื่นนอนหรือภายหลังอยู่ในอิริยาบถท่าใดท่าหนึ่งนานๆเช่น หลังจากขับรถ เป็นต้น สำหรับผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมที่มีอาการรุนแรงมากก็อาจมีอาการปวดข้ออย่างมากและรุนแรงเมื่อใช้งาน รวมทั้งขาดความมั่นคงหรือเสถียรภาพของข้อได้
โรคข้อเสื่อมเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตามปกติภายในข้อประกอบไปด้วยเยื่อบุข้อ น้ำไขข้อ และกระดูกอ่อนผิวข้อ กระดูกอ่อนผิวข้อจะทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวดูดซับแรงกดภายในข้อและป้องกันมิให้กระดูกที่อยู่ภายใต้กระดูกอ่อนกระแทกกับกระดูกอีกฝั่ง หากกระดูกอ่อนผิวข้อเหล่านี้ถูกทำลายไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตามน้ำหนักหรือแรงกดที่กระทำกับข้อ ก็จะส่งผลให้กระดูกใต้ต่อกระดูกอ่อนผิวข้อสัมผัสกัน กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้อถูกยืดเป็นเหตุให้เกิดอาการปวดตามมา ในปัจจุบันยังไม่ทราบว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้กระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลาย แต่ปัจจัยที่น่าจะมีส่วนร่วมทำให้กระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลาย ได้แก่
น้ำหนักตัว การที่มีน้ำหนักตัวมากจะส่งผลให้เกิดแรงกดภายในข้อที่รับน้ำหนักเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
กิจกรรมบางอย่างที่ส่งผลให้ข้อต้องรับแรงกดมากจนเกินไปเช่น การนั่งคุกเข่า หรือนั่งพับเพียบ
ปัจจัยทางพันธุกรรม โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีประวัติข้อและกระดูกอ่อนผิวข้ออ่อนแอ
อายุ อายุมากมีโอกาสพบโรคข้อเสื่อมมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน เนื่องจากผู้สูงอายุบางรายก็ไม่พบโรคข้อเสื่อม
ใครมีโอกาสเป็นโรคข้อเสื่อมได้บ้าง
จริงๆแล้วโรคข้อเสื่อมสามารถพบได้ทุกวัย แต่พบในผู้สูงอายุได้บ่อยกว่ามาก จากการศึกษาพบว่าผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปี ตรวจพบลักษณะข้อเสื่อมจากภาพถ่ายรังสีได้ร้อยละ 70 แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่มีอาการผิดปกติ โรคข้อเสื่อมพบในเพศหญิงได้มากกว่าเพศชายโดยเฉพาะข้อเข่าเสื่อมและข้อนิ้วมือเสื่อม
โรคมือชา นิ้วล็อค
ปัจจุบันในกลุ่มวัยทำงานจะมีการใช้งานที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยใช้คีย์บอร์ดพิมพ์งาน หรือใช้อุปกรณ์มือถือ แท็บเล็ตเป็นระยะเวลานานในแต่ละวัน ส่งผลทำให้เกิดอาการมือชา นิ้วล็อคได้ ซึ่งถ้ายังปล่อยไว้ไม่ทำการรักษาก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่สามารถงอหรือเหยียดนิ้วได้เอง ว่าแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลต่อคนทำงานอย่างไรบ้าง เรามีข้อมูลสุขภาพมาบอกค่ะ
มือชา นิ้วล็อค ปัญหาของคนทำงานที่หลีกเลี่ยงได้ยากในยุคดิจิตอลแบบนี้ บางคนทำงานพิมพ์ทั้งวันบนจอคอมพิวเตอร์ หรือใช้มือกดทำงานบนมือถือเป็นหลายชั่วโมงก็มี ทำให้ข้อนิ้วมื้อและข้อมือต้องรับภาระอย่างหนัก นำมาซึ่งปัญหาการปวดข้อมือ แขน ไปจนถึงนิ้วล็อค ในบางรายหากมีการใช้ข้อมือมากๆ เยื่อหุ้มเอ็นเกิดการอักเสบ จากนั้นจะเกิดพังผืดไปกดเส้นประสาทที่ข้อมือจะเกิดอาการชาที่มือ และมืออ่อนแรงได้ในที่สุด
อาการที่พบและการรักษา
มือชา จะมีอาการรู้สึกชาเป็นพักๆ ที่มือ (โดยเฉพาะที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางครึ่งซีก) บางครั้งอาจปวดร้าวขึ้นไปที่แขนหรือหัวไหล่ อาการปวดมักจะเป็นมากตอนกลางคืนหรือตอนเช้ามืดสามารถรักษาด้วยการใช้ยา แพทย์อาจจะให้กินยาต้านอักเสบของเส้นเอ็นและเส้นประสาท และถ้าเป็นรุนแรงก็จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
นิ้วล็อค เริ่มจากเจ็บโคนนิ้วด้านฝ่ามือ นิ้วฝืด สะดุด กำมือหรือเหยียดมือไม่สะดวก กระเด้ง หรือล็อค อาจล็อคในท่านิ้วงออยู่เหยียดไม่ออก หากงอหรือกำนิ้วมือไว้ จะไม่ยอมเหยียดออกเอง ต้องใช้อีกมือหนึ่งมาช่วยง้างออก มีอาการเจ็บปวดเวลาดึงออก สามารถรักษาด้วยการทานยาเพื่อลดการปวด อักเสบ พักการใช้มือ หรือการนวดเบา ประคบร้อนหรือเย็น บริหารนิ้วเพื่อช่วยให้เคลื่อนที่ได้ปกติ หรือฉีดสารสเตียรอยด์ช่วยลดอาการบวมอักเสบของเอ็น แต่มีข้อจำกัด คือ ไม่ควรฉีดยาเกิน 2 หรือ 3 ครั้ง ต่อนิ้วที่เป็นโรค หากรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยผ่าตัดเพื่อรักษาอาการนิ้วล็อค
โรคปวดเท้าและข้อเท้า
ข้อเท้า และเท้า ของคนเราถือเป็นอวัยวะที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นใดในร่างกาย เพราะช่วยให้เราสามารถเดินไปไหนมาไหนได้สะดวกสบาย และนับว่าเป็นอวัยวะหนึ่งที่ถูกใช้งานบ่อย ในระหว่างที่เราเดินนั้นเท้า และข้อเท้าจะต้องรับน้ำหนักตัวในการเคลื่อนไหวต่างๆ ของเรา ปีหนึ่งๆ จะมีผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อเท้า และเท้าเป็นจำนวนมาก
ข้อเท้าพลิก หรือแพลง เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกครั้งที่เราทำกิจกรรมต่างๆ พบมากในหมู่นักกีฬา หรือแม้แต่การใส่รองเท้าส้นสูง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการข้อเท้าพลิกได้ทั้งสิ้น สาเหตุที่เท้าพลิก หรือแพลงนั้นเนื่องจากเอ็น และเนื้อเยื่อรอบข้อเท้าฉีกขาด อาจจะเป็นเพียงบางส่วนหรือทั้งเส้น ทำให้ข้อเท้าไม่มั่นคง ผู้ป่วยจะมีอาการบวม และปวดบริเวณข้อเท้า เป็นรอยเขียวๆ รอบข้อเท้า เนื่องจากการฉีกขาดของเส้นเลือด ควรประคบน้ำแข็งบริเวณข้อเท้าทันทีที่ได้รับอุบัติเหตุ เพื่อช่วยลดอาการอักเสบ อย่านวด หรือรักษาด้วยวิธีการอื่นหากยังไม่ได้รับการวินิจฉัย เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะซักประวัติ และตรวจร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีอาการปวด อาจมีการตรวจทางรังสีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกระดูกหัก อาการนี้ใช้เวลารักษาประมาณ 6 - 8 สัปดาห์ แต่ภาวะบวมจะหายก่อน แพทย์จะให้พักเท้าให้มากที่สุด โดยอาจจะใส่เฝือก ใช้ผ้าพันเพื่อลดอาการบวม หรือใช้ไม้เท้าช่วยพยุงน้ำหนัก เมื่ออาการดีขึ้นให้เริ่มต้นบริหารโดยการขยับข้อเท้าทุกทิศทาง เช่น หมุนข้อเท้า กระดูกเท้า เหยียดเท้า บริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเท้า โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่ใช้กระดูกเท้า ข้อสำคัญของการบริหารต้องไม่ทำให้เกิดการเจ็บของข้อ
เอ็นร้อยหวายอักเสบ มักจะเกิดกับกีฬาที่ต้องใช้กล้ามเนื้อน่องมาก เช่น บาสเกตบอล กระโดดสูง จะมีอาการปวดบริเวณเอ็นร้อยหวาย ผู้ป่วยจะมีอาการปวดที่เอ็นร้อยหวายระหว่างการออกกำลังกาย และจะปวดมากขึ้นเมื่อหยุดออกกำลังกาย เมื่อกดบริเวณเอ็นร้อยหวายจะเกิดอาการปวด หรือเมื่อตรวจรองเท้าจะพบรอยสึกที่ผิดปกติ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ หยุดออกกำลังโดยทันที ช่วงที่ปวดใหม่ๆ ให้ประคบด้วยน้ำแข็งประมาณ 20 นาทีทุก 4 ชั่วโมง ใส่รองเท้าที่หนุนส้นให้สูงขึ้นเพื่อลดแรงกดดันที่เอ็นร้อยหวาย ใช้ผ้าพัน ให้ยกเท้าสูง อย่าใส่รองเท้าที่มีพื้นราบ และไม่ควรเดินเท้าเปล่า
เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ เนื่องจากการออกกำลังที่ไม่ถูกต้อง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดฝ่าเท้าในตอนเช้า เริ่มต้นด้วยอาการปวดฝ่าเท้าเล็กน้อย แรกๆ จะปวดหลังออกกำลังกาย ต่อมาจะปวดเวลาเดิน หลังจากตื่นนอน เมื่อเดินไปสักพักอาการปวดจะดีขึ้น ในการตรวจร่างกายพบว่าถ้ากดบริเวณกระดูกส้นเท้าจะทำให้เกิดอาการปวด หากไม่รักษาอาจจะมีผลกับข้อเท้า เข่า หรือหลัง เนื่องจากทำให้การเดินผิดปกติ เมื่อมีอาการปวดให้พักการใช้งานหนัก ลดน้ำหนักจนอาการปวดดีขึ้น ประคบน้ำแข็ง ครั้งละ 20 นาทีวันละ 3 ครั้ง เพื่อลดอาการอักเสบ ใส่รองเท้าที่มีแผ่นรองรับการกระแทก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นใน 2 - 3 เดือนการป้องกันการได้รับบาดเจ็บบริเวณเท้าและข้อเท้า
พยายามอบอุ่นร่างกายก่อนการออกกำลังกายทุกครั้ง สังเกตร่างกายตนเองหากมีอาการปวดข้อเท้า หรือปวดฝ่าเท้าให้หยุดวิ่ง จัดหาเครื่องป้องกันมาใส่ให้เหมาะสมกับกีฬา เลือกรองเท้า และถุงเท้าอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามนอกจากเหนือจากสาเหตุดังกล่าวมาข้างต้น อาการปวดข้อเท้าอาจเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุมากๆ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของกระดูก โดยเฉพาะคนที่ขาดแคลเซียมมาตั้งแต่วัยเด็กและวัยรุ่น เมื่อแก่ตัวจะมีปัญหาเกี่ยวกับโรคกระดูกได้ง่าย
ปวดไหล่ ไหล่ติด
ไหล่ติด คืออาการเจ็บปวดบริเวณหัวไหล่ที่เกิดจากพิสัยในการขยับหัวไหล่ลดลง มักจะเจ็บในท่าทางที่ขยับหัวไหล่สุดไปในมุมในมุมหนึ่ง เช่น ไพล่หลังติดตะขอเสื้อใน เอื้อมมือหยิบของบนชั้นสูงๆ เมื่อขยับไหล่ไปเกินพิสัยที่ทำได้จึงมีอาการเจ็บเกิดขึ้น ผู้ป่วยที่ยังมีอาการไม่มากอาจจะมีอาการเจ็บเพียงท่าใดท่าหนึ่ง แต่หากอาการเป็นมากขึ้น พิสัยการขยับของไหล่ลดลงมาก ก็จะมีอาการเจ็บในหลายท่าทางการขยับได้
สาเหตุของโรคไหล่ติดยังไม่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากการมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบริเวณหัวไหล่มาก่อน หรือเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นข้อไหล่ ซึ่งทำให้มีอาการเจ็บหัวไหล่เวลาใช้งาน ส่งผลให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ใช้งานแขนข้างนั้นน้อยลง ประกอบกับการอักเสบทำให้เยื่อหุ้มข้อไหล่หนาตัวขึ้น พิสัยการขยับหัวไหล่ลดลง จึงเกิดอาการติดของหัวไหล่ ขยับไหล่แล้วมีอาการเจ็บ
ผู้ที่มีภาวะข้อไหล่ติดจะมีอาการแสดงต่างกันไปแล้วแต่ระยะของโรค แต่อาการที่มักจะทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ได้แก่ อาการปวดไหล่ในตอนกลางคืน หรือเอื้อมมือไปด้านหลังไม่ได้ รู้สึกปวดบริเวณหัวไหล่ อย่างไรก็ตามอาการที่มาด้วยปวดบริเวณข้อไหล่นั้นสามารถมีสาเหตุมาจากหลายๆโรคได้ ดังนั้นจึงควรจะพบแพทย์เพื่อตรวจแยกอาการของโรคอื่นๆที่อาจมีอาการแสดงคล้ายคลึงกัน โดยอาการแสดงที่สำคัญของภาวะข้อไหล่ติด นั่นคือจะมีการจำกัดขององศาการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ในหลายๆมุมทั้งขณะที่เราขยับข้อไหล่เองหรือมีคนมาขยับข้อไหล่ให้ก็จะมีการจำกัดของมุมการเคลื่อนไหวทั้งคู่ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยเมื่อขยับแขนแล้วรู้สึกเจ็บ ก็ยิ่งไม่ขยับหัวไหล่ เมื่อไม่ขยับหัวไหล่ก็ยิ่งทำให้ไหล่ติดมากขึ้น แม้ว่าระยะต่อมาความรู้สึกปวดอาจลดลงได้เอง แต่อาการไหล่ติดส่วนใหญ่จะยังไม่หายไปไหน คือยังคงอาจจะไม่สามารถยกแขนทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ ดังนั้นการรักษาที่สำคัญจึงไม่เพียงแค่รักษาอาการปวดเพียงอย่างเดียว จะต้องให้ความสำคัญกับการฟื้นคืนมุมการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ร่วมด้วย
พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
พบมากในช่วงอายุประมาณ 40-60 ปี
รักษาอาการปวดด้วย PRP
PRP (Platelet Rich Plasma) คือการรักษาเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บและอาการอักเสบของโรคข้อเข่าเสื่อม เอ็นกล้ามเนื้อ เอ็นกระดูกและเนื้อเยื่ออ่อนต่างๆ โดยไม่ต้องผ่าตัด การรักษาด้วยพลาสมาเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นการผสานการเยียวยาตามธรรมชาติของร่างกายกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยการนำตัวอย่างเลือดของผู้ป่วยเพียงเล็กน้อยมาปั่นเพื่อแยกเกล็ดเลือดและพลาสมาออกมา หลังจากนั้นแพทย์จะนำเกล็ดเลือดและพลาสมาที่ได้มาปั่นจนเข้มข้นและฉายแสง (Photoactivation) ก่อนฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่บาดเจ็บ ช่วยลดอาการเจ็บปวดและเร่งการฟื้นฟูร่างกาย
การรักษาด้วย PRP มีข้อดีอย่างไร
การนำเกล็ดเลือดและพลาสมามาปั่นทำให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูงขึ้น ช่วยเพิ่มความสามารถของเกล็ดเลือดในการซ่อมแซมร่างกายบริเวณที่บาดเจ็บและช่วยลดอาการเจ็บปวด
PRP เหมาะกับใครบ้าง
เป็นโรคข้อเสื่อม
มีอาการบาดเจ็บของแหวนรองกระดูกในข้อเข่า ข้อเข่าอักเสบ
มีอาการบาดเจ็บและความเสื่อมของเส้นเอ็น เช่น Tennis elbow และ Golfer elbow
เคยรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัด กินยาหรือฉีดสเตียรอยด์แล้วไม่หาย
ใช้เวลาในการรักษานานเท่าไร
โดยปกติแพทย์จะฉีด PRP ทั้งหมด 3 เข็ม ห่างกันเข็มละหนึ่งสัปดาห์ ในแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ผลของการรักษาอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 2 ปี และสามารถฉีดซ้ำได้
การรักษาด้วยเกล็ดเลือดมีความปลอดภัยสูงเพราะใช้เลือดของตัวผู้ป่วยเองในการเยียวยาอาการบาดเจ็บให้หายเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามการฉีด PRP ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ จึงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด